วันอาทิตย์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 418 เด็กหนุ่มวอนหาเรื่อง



ตอนที่  418  เด็กหนุ่มวอนหาเรื่อง
ดยุคฮั่วฝู่หมันมองดูซีหลิน  ตอนแรกเขาคิดว่าจะเอาการปฏิบัติภารกิจของซีหลินไปอวดต่อฝ่าบาท เขาไม่เคยคิดแม้แต่น้อยว่าจะจบลงด้วยความสูญเสียมากมาย

ด้วยพลังของนักสู้ระดับทองสี่คน ถือว่าได้ว่าเป็นงานง่ายและคงใช้กำลังไม่มากก็คงพิชิตดาวดวงน้อยหรือทำลายเมืองได้ทั้งเมือง
แต่ค่ายบรอนซ์ในกลุ่มดาวนั้นกลับขจัดนักสู้ระดับทองสี่คนหมดสิ้น
เขาน่าจะรู้แล้วว่าด้วยพลังอย่างตวนมู่ แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเอาชนะได้ แต่ก็ไม่ควรเป็นเรื่องยากเย็นที่จะหลบหนีกลับมาได้  แต่จนถึงวันนี้แล้วไม่มีข้อมูลอะไรจากเขาเลย
เขาประมาทพลังของเมืองสามวิญญาณเกินไป
ดยุคฮั่วฝู่หมันรู้สึกว่าเขาเองก็ควรมีส่วนถูกตำหนิด้วย ซีหลินมองดูหม่นหมองและจนใจเพราะความพ่ายแพ้ล่าสุด  การสูญเสียนักสู้ระดับทองสี่คนไม่มีผลอะไรต่อฮั่วฝู่หมัน  แต่สถานะปัจจุบันของซีหลินทำให้เขากังวล
ฮั่วฝู่หมันไม่แสดงอารมณ์อะไรอย่างชัดเจน  เขามองดูซีหลิน “ฮึ, เงยหน้าขึ้นเดี๋ยวนี้”
ซีหลินค่อยๆ ฝืนใจเงยหน้าขึ้น
ฮั่วฝู่หมันขมวดคิ้วและพูดต่อ “ยืนขึ้น!
ซีหลินตัวสั่นขณะลุกขึ้นยืนทันที
หัวฝู่หมันหงุดหงิดมากยิ่งขึ้นขณะที่เขาลุกจากเก้าอี้  “ดูตัวเจ้าสิ, ข้ายังไม่ตาย! เจ้าก็ยังได้รับผลกระทบจากเรื่องเล็กน้อยแค่นี้เสียแล้ว  นักสู้ระดับทองสี่คนตายไป ดังนั้นจึงไม่จำเป็นแล้ว  ทุกคนจะต้องตายกันทั้งนั้น แม้ว่าเจ้าจะล้มเหลวในอนาคต ก็ไม่ต้องใส่ใจเกินไป จงกลับลุกขึ้นยืนทุกเมื่อที่เจ้าพบกับความล้มเหลว เจ้ามีความสามารถที่จะทำเช่นนั้น  ถ้าเจ้ายอมรับความพ่ายแพ้  เจ้าก็ไม่สมควรเป็นลูกข้า”
ซีหลินรู้สึกละอายใจตนเอง
 “ไปล้างหน้าซะ”  ฮั่วฝู่หมันพูดเสียงอ่อนโยนกับเขา
ซีหลินรีบเข้าห้องน้ำและล้างหน้าให้ดูสดชื่นชะล้างความเจ็บปวดในอารมณ์ของเขา
ฮั่วฝู่หมันยื่นกระดาษเช็ดหน้าให้เขา “จงไปรวบรวมคนของเจ้า  ฝ่าบาทต้องการให้เจ้าเดินทางลงใต้  มีเรื่องเดือดร้อนบางเรื่องต้องแก้ในหมู่คนพื้นเมือง”
 “แล้วเรื่องเมืองสามวิญญาณจะเอายังไง?”  ซีหลินลังเล
 “ข้าจะจัดการเรื่องนั้นเอง”  ฮั่วฝู่หมันตบไหล่ซีหลิน  “เจ้าควรไปจัดการภารกิจที่ได้รับมอบหมายเสียก่อน”
เขาไม่ได้บอกซีหลินว่าความล้มเหลวของงานในครั้งนี้อาจทำให้พวกเขาตกต่ำ
กองกำลังนักสู้ขนาดเล็กลาดตระเวณไปทั่วที่ราบแต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะนักสู้สามคน
 “หลูตี๋ช่างมีจมูกที่ไวนัก”  นักสู้คนกลางหัวเราะคิกคัก
หัวหน้ากลุ่มนักสู้เล็กๆ ตอบ “สมาพันธ์ชาวยุทธ!
พวกนักสู้ให้ความสนใจ  “พวกเจ้าทุกคนต้องการสนับสนุนอาเดรียนหรือ? น่าเสียดาย ข้าเองก็ชื่นชมพรานนักล่าอาเดรียนอยู่เสมอ”
สีหน้าของผู้บัญชาการกองกำลังเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน  โดยไม่มีใครทันสังเกต วงแหวนที่สวมอยู่บนตัวนักสู้คนหนึ่งที่ยืนอยู่หลังเขาพลันเปล่งลำแสงออกมาทันที
เมืองอันโดรเมดา
ขณะที่วงแหวนของบริวารของอาเดรียนเปล่งแสงสว่างวาบ  เสียงที่ไม่รู้จักก็ดังโพล่งออกมา  “พวกเจ้าต้องการสนับสนุนอาเดรียนหรือ?  น่าเสียดาย ข้าก็ชื่นชมพรานนักล่าอยู่เสมอ”
ทั้งสามคนหน้าซีด
 “ไปกันเถอะ!  อาเดรียนพูดโดยไม่ลังเล
 “ไปไหน?”  หลิวจงกวงถาม
 “ไปหาถังเทียน”  อาเดรียนตอบเสียงอ่อนโยน
 “ไปหาถังเทียน? ทำไมล่ะ?” หลิวจงกวงไม่สามารถเข้าใจถึงเหตุผลที่เขาจำเป็นต้องทำเช่นนั้น  อาซิ่วรู้ว่าอาจารย์กำลังจะทำอะไร
เยี่ยนถูได้ยินรายงานของอูเซี่ย เขายิ้มที่มุมปาก “อา, อาเดรียนจะไปพบถังเทียน?”
 “ถูกแล้ว ฝ่าบาท” อูเซี่ยตอบด้วยความเคารพ
 “ก็ดีเหมือนกัน ช่วยให้เราประหยัดเวลาเดินทาง”  เยี่ยนถูตอบขณะที่เขามีแววอำมหิตอยู่เต็มหน้า  “พาคนของเจ้าไปคร่ากุมแอนเดรียนา  ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรใช่ไหม?”
อูเซี่ยตอบ  “ไม่น่ามีปัญหาอะไร”
 “ไปกันเถอะ ข้าเสียเวลาเรื่องนี้มานานเกินไปแล้ว”  เยี่ยนถูบอกนักสู้ชาวดาวหมีใหญ่ที่อยู่ข้างตัวเขา
******

ในคฤหาสน์ที่ถังเทียนพักอาศัย
อาเดรียนไม่พยายามปิดบังข้อมูลใดๆ  เขารายงานสิ่งที่เขารู้ทั้งหมดซ้ำอีกครา
อาเฮ่อพึมพำเงียบๆ ขณะที่ถังเทียนประหลาดใจ “หวา! เจ้านั่นมีลวดลาย เจ้าเล่ห์นัก!
หลิงซิ่วกำลังรู้สึกเบื่อมาก จนต้องวิ่งออกไปหามุมฝึกวิชาหอกของเขา
อาซิ่วรู้สึกแปลกๆ หลิงซิ่วคล้ายกับที่เขาเล่าลือ เขามีอารมณ์ร้อนและบ้าระห่ำ  แต่ไม่เข้าใจคนอย่างถังเทียน
คนอย่างเขาเป็นผู้นำคนได้อย่างไร?
อาเดรียนใจเย็นขณะที่เขายืนสงบเงียบหลังจากพูดจบ
 “ฮ่าฮ่าฮ่า”
เสียงหัวเราะดังลอยมาจากด้านนอกประตูไม้ห้องโถง  เงาร่างสามร่างค่อยๆ ปรากฏตัวในคฤหาสน์  เยี่ยนถูมีรอยยิ้มหยิ่งภูมิใจปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา  “ข้าได้ยินเรื่องราวความแข็งแกร่งของเจ้ามามากมายนักแล้ว ถังเทียน ข้าไม่คาดว่าเจ้าจะเป็นเช่นนั้นแน่นอน  น่าผิดหวังนัก”
ถังเทียนถามด้วยความสงสัย “เฮ้, เจ้าเป็นใครกัน?”
อาเฮ่อเอามือก่ายหน้าผาก  นี่คือปัญหาสำคัญของถังเทียนที่ทำให้เขารู้สึกขายหน้า ทั้งที่พวกเขาเพิ่งคุยเรื่องของเยี่ยนถูไปแล้วแท้ๆ...
หลิงซิ่วหยุดฝึกและเดินเข้ามาอยู่ข้างตัวถังเทียน ดูท่าทีแล้วเหมือนกับว่าวันนี้จะมีการเปิดศึกใหญ่เป็นแน่
เยี่ยนถูไม่สนใจถังเทียนและหันหน้าไปสนใจอาเดรียน  “นายพรานนักล่า ข้านับถือท่านมาตลอด ถ้าท่านใช้พลังของท่านเพื่อกลุ่มดาวหมีใหญ่  เราจะช่วยส่งเสริมความปรารถนาใดๆ ของท่านก็ได้ที่มีอยู่”
อาเดรียนยิ้ม “ขอบคุณฝ่าบาทที่แสดงน้ำใจ  นับว่าเป็นเกียรติที่ได้รับความชื่นชมจากท่าน  แต่ข้ามีความมั่งคั่งทั้งหมดที่ต้องการอยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่ข้าต้องการมากไปกว่านี้อีกแล้ว”
เยี่ยนถูไม่ประหลาดใจและตอบ “ท่านพรานนักล่า ท่านน่าจะไตร่ตรองให้ดีก่อน  ท่านไม่คิดจะรับศิษย์ชนชั้นสูงบ้างหรือ?”
หลิวจงกวงโกรธ  “อย่ามัวเสียเวลาเจ้าอยู่ที่นี่เลย อยู่ใต้อาณัติเจ้าน่ะหรือ?  เจ้าต้องมีหนังที่หนาแน่ถึงได้กล้าขออะไรอย่างนี้!
เยี่ยนถูส่ายหัวและรู้สึกเสียดายที่ถูกตอบรับแบบนี้  “เนื่องจากเจ้าไม่ยินดีจะรับใช้ข้า ข้าก็เสียใจที่จะบอกว่าวันนี้จะเป็นวันตายของพวกเจ้า”
 “เฮ้ เฮ้ เฮ้, นี่มันถิ่นของข้าไม่ใช่หรือ?”  ถังเทียนพบว่าเขาถูกกีดกันออกจากการสนทนา ขณะที่เขาพยายามอย่างดีที่จะแสดงให้เห็นความคงอยู่ของเขา
หนุ่มชาวฟ้าจะถูกละเลยได้ยังไง
นักสู้ดาวหมีใหญ่ทั้งสองคนที่อยู่ข้างๆ เยี่ยนถูลืมตากว้าง  เนื่องจากพวกเขาปลดปล่อยรังสีพลังกล้าแข็งอยู่รอบตัว ทุกคนสามารถรู้สึกได้ถึงพลังที่น่าประหลาดของพวกเขาค่อยๆ เพิ่มขึ้นไปทุกมุมห้อง อากาศเย็นลงและมีความตึงเครียดสูง
แครก แครก แครก
นักสู้ที่กำลังจะโจมตีปล่อยเสียงกู่ร้อง
รอยแตกเล็กๆ เริ่มปรากฏบนพื้นเหมือนกับใยแมงมุม
สีหน้าของอาซิ่วและหลิวจงกวงเปลี่ยน นี่คือพลังของนักสู้จากกลุ่มดาวหมีใหญ่หรือนี่?
การได้รับเลือกโดยเจ้าปกครองกลุ่มดาวเองเช่นนี้ พวกเขาต้องเป็นนักสู้ระดับสูงในกลุ่มดาวนั้นเป็นแน่  ในกลุ่มดาวหมีใหญ่ มีอยู่เจ็ดคนที่รู้จักกันในนามว่าองครักษ์พญาหมี  แม้ว่าพวกเขายังไม่ได้โจมตีใดๆ  แต่รัศมีพลังของพวกเขาแปลกประหลาดจริงๆ  พลังงานที่แผ่ออกมาจากนักสู้ทั้งสองนั้นเหมือนกับรัศมีสองสาย  ดูเยือกเย็นแต่ทำให้ถังเทียนและพวกปั่นป่วน
อาเฮ่อลุกขึ้นยืนขณะที่ชุดดำยาวของเขาสะบัดเป็นคลื่นในอากาศ เขายังวางตัวสงบต่อทุกคน  “การกระทำของทุกคนที่นี่ถือว่าไม่ให้เกียรติกันแน่นอน”
 “อะไรนะ?”  ถังเทียนกระโดดเต้นด้วยความประหลาดใจและพูดต่อ “เฮ้, อาเฮ่อ การกระทำของคนพวกนี้ถือว่าไม่ให้เกียรติเฉพาะมุมมองของเจ้าคนเดียวเหรอ?”
อาเฮ่อ “....”
ข้าแค่พูดอย่างสุภาพ...
ถังเทียนทำสีหน้าดุร้ายและดูแย่ยิ่งกว่าแต่ก่อน ขณะที่เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันตะโกน “พวกเจ้ากล้าดียังไงมาเอะอะโวยวายในถิ่นของข้า!  พี่น้อง, เล่นงานพวกมันเลย!”
อาเฮ่อยืนอยู่เงียบๆ ขณะที่เขาเตรียมหันหน้าจากไป  เห็นได้ชัดว่ายังไม่มีกลยุทธที่เขาคิดในใจจนต้องรีบร้อนบุ่มบ่าม  ถ้าเจ้ายังไม่รู้วิธีจัดการความขัดแย้ง  ทำไมถึงไม่ปล่อยให้ข้ารับมือ?
มีเสียงโห่ร้องดังขึ้น!
เงาร่างสีเงินสายหนึ่งพุ่งผ่านสายตาอาเฮ่อไป  หลิงซิ่วผู้ไม่มีความอดกลั้นหิวกระหายการต่อสู้พุ่งเข้าใส่บุรุษทั้งสามเหมือนกับธนูแหลมคมพร้อมกับใช้หอกของเขาเบิกทาง
หลิวจงกวงมองดูด้วยความมึนงงและจากนั้นก็เป็นอาซิ่วและอาเดรียน
เจ้านี่บ้าไปแล้วหรือ?
เขาอยากตายหรือ?
พวกนั้น..คือองครักษ์พญาหมี!
หลิงซิ่วผู้บ้าระห่ำกระโจนขึ้นในอากาศและพุ่งเข้าใส่คนทั้งสามรู้สึกตื่นเต้นกับการต่อสู้ที่จะมาถึง  มันครอบงำความรู้สึกของเขาจนเมินเฉยต่อความกลัว  ในที่สุดเขาก็ได้ปลดปล่อยความปรารถนาต้องการต่อสู้ได้เสียที
เสียงกระพรวนจากหอกของหลิงซิ่วดังผ่านไปทั้งห้อง
อากาศเย็นแผ่ไปรอบห้อง  ขณะที่ความตึงเครียดเพิ่มขึ้นจากการโจมตีของหลิงซิ่ว
นักสู้สองคนที่อยู่ข้างเยี่ยนถูจ้องมองหลิงซิ่วที่โจมตีเข้ามา  มีคนกล้าเผชิญหน้าพวกเขาโดยตรงและทำยโสโอหังต่อหน้าพวกเขาตั้งแต่เมื่อใด?
หนึ่งต่อสาม ครั้งสุดท้ายพวกเขาเคยเห็นความบุ่มบ่ามอย่างนี้เมื่อไหร?
ดูถูกกันชัดๆ
การกระทำของฝ่ายตรงข้ามเป็นการดูถูกองครักษ์พญาหมี
แต่บุรุษทั้งสามคนดูเหมือนตกอยู่ภายใต้ดินแดนที่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวอยู่รอบตัวพวกเขา
ทุกคนประหลาดใจกับวิชาของหลิงซิ่ว
อะไรกัน  นั่นมันวิชาหอกอะไรกัน?
สององครักษ์พญาหมีตอบโต้พร้อมกัน
ยอดฝีมือทางซ้ายมือของเยี่ยนถูมีชื่อว่าหรงโหรว  สีหน้าของเขาเข้มงวด รังสีวงกลมพุ่งออกจากนิ้วข้างหนึ่งของเขาพุ่งตรงไปที่กลุ่มดาวที่ลอยเข้าหาพวกเขา
นักสู้อีกคนหนึ่งนามว่าเจี่ยนฟงหยวน  เขาคำราม ดาบหัวปีศาจปรากฏอยู่ในมือของเขา ขณะที่เขาฟันดาบสกัดการโจมตีของหลิงซิ่ว
ติง ติง ติง!
พลังโจมตีที่หนักแน่นและแหลมคมปะทะกัน เกิดเสียงดังกึกก้องในท่ามกลางการต่อสู้
หลิงซิ่วถอยด้วยความเร็วยิ่งกว่าตอนเข้าโจมตีและกระแทกเข้าไปในผนังจนพังทลาย
นั่นธรรมดา..
อาซิ่วและหลิวจงกวงทั้งสองคนถอนหายใจโล่งอก  พวกเขาทั้งสองคิดเหมือนกัน  สองคนนี้ต้องเป็นองครักษ์พญาหมีแน่นอน  พฤติกรรมของหลิงซิ่ววู่วามเกินไป
 “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
ทันใดนั้น เสียงหัวเราะน่ากลัวดังขึ้นจากใต้กองอิฐที่หักพัง  กองอิฐระเบิดออกมาทันทีขณะที่หินปลิวไปทั่วบริเวณ  หลิงซิ่วจับหอกเงินและเดินออกมาจากกองอิฐ
ที่มุมปากของหลิงซิ่วมีรอยเลือดไหลออกมาเหมือนกับงูกำลังเลื้อย  แทนที่จะรู้สึกหมดหวังหรือท้อแท้ เขากลับรู้สึกกระตือรือร้นสู้ต่อไป
 “รู้สึกดีเป็นบ้า”
เขาชี้หอกมาที่คนทั้งสามและประกาศ  “เอาอีก!”
ทั้งอาซิ่วและหลิวจงกวงกังวลห่วงใยหลิงซิ่ว  ขณะที่พวกเขาจ้องมองอย่างมึนงง
สามารถต้านรับการโจมตีจากนักรบพญาหมีได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บหนัก ถือว่ามีความสำเร็จแล้ว  และในตอนนี้ เขายังคงขอสู้ต่อ...
เจ้าผู้นี้ เขาต้องบ้าไปแล้ว
ขณะที่อาเดรียนยังสงบเหมือนเคยและมองดูหลิงซิ่ว  เขาตระหนักได้ดีว่าพวกเขาอยู่ในสถานการณ์อันตราย
หอกนั่น...

7 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Sunrise กล่าวว่า...

แสดงฝีมือมาทีละคน มาาา

neng2006 กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ มันทุกตอนเลยพักนี้

Sunrise กล่าวว่า...

แสดงฝีมือมาทีละคน มาาา

windwolf กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ThEPaRaN กล่าวว่า...

ตอนต้นอ่านไม่รู้เรื่องเลยอ่านวนไปสองรอบ 😫😫

สุดยอด กล่าวว่า...

องครักษ์พิทักษ์หมี ทำไมฟังดูแปลกๆ 5555

แสดงความคิดเห็น