ตอนที่ 418
เด็กหนุ่มวอนหาเรื่อง
ดยุคฮั่วฝู่หมันมองดูซีหลิน
ตอนแรกเขาคิดว่าจะเอาการปฏิบัติภารกิจของซีหลินไปอวดต่อฝ่าบาท
เขาไม่เคยคิดแม้แต่น้อยว่าจะจบลงด้วยความสูญเสียมากมาย
ด้วยพลังของนักสู้ระดับทองสี่คน
ถือว่าได้ว่าเป็นงานง่ายและคงใช้กำลังไม่มากก็คงพิชิตดาวดวงน้อยหรือทำลายเมืองได้ทั้งเมือง
แต่ค่ายบรอนซ์ในกลุ่มดาวนั้นกลับขจัดนักสู้ระดับทองสี่คนหมดสิ้น
เขาน่าจะรู้แล้วว่าด้วยพลังอย่างตวนมู่
แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเอาชนะได้ แต่ก็ไม่ควรเป็นเรื่องยากเย็นที่จะหลบหนีกลับมาได้ แต่จนถึงวันนี้แล้วไม่มีข้อมูลอะไรจากเขาเลย
เขาประมาทพลังของเมืองสามวิญญาณเกินไป
ดยุคฮั่วฝู่หมันรู้สึกว่าเขาเองก็ควรมีส่วนถูกตำหนิด้วย
ซีหลินมองดูหม่นหมองและจนใจเพราะความพ่ายแพ้ล่าสุด
การสูญเสียนักสู้ระดับทองสี่คนไม่มีผลอะไรต่อฮั่วฝู่หมัน แต่สถานะปัจจุบันของซีหลินทำให้เขากังวล
ฮั่วฝู่หมันไม่แสดงอารมณ์อะไรอย่างชัดเจน เขามองดูซีหลิน “ฮึ, เงยหน้าขึ้นเดี๋ยวนี้”
ซีหลินค่อยๆ
ฝืนใจเงยหน้าขึ้น
ฮั่วฝู่หมันขมวดคิ้วและพูดต่อ
“ยืนขึ้น!”
ซีหลินตัวสั่นขณะลุกขึ้นยืนทันที
หัวฝู่หมันหงุดหงิดมากยิ่งขึ้นขณะที่เขาลุกจากเก้าอี้ “ดูตัวเจ้าสิ, ข้ายังไม่ตาย! เจ้าก็ยังได้รับผลกระทบจากเรื่องเล็กน้อยแค่นี้เสียแล้ว นักสู้ระดับทองสี่คนตายไป
ดังนั้นจึงไม่จำเป็นแล้ว
ทุกคนจะต้องตายกันทั้งนั้น แม้ว่าเจ้าจะล้มเหลวในอนาคต
ก็ไม่ต้องใส่ใจเกินไป จงกลับลุกขึ้นยืนทุกเมื่อที่เจ้าพบกับความล้มเหลว เจ้ามีความสามารถที่จะทำเช่นนั้น ถ้าเจ้ายอมรับความพ่ายแพ้ เจ้าก็ไม่สมควรเป็นลูกข้า”
ซีหลินรู้สึกละอายใจตนเอง
“ไปล้างหน้าซะ”
ฮั่วฝู่หมันพูดเสียงอ่อนโยนกับเขา
ซีหลินรีบเข้าห้องน้ำและล้างหน้าให้ดูสดชื่นชะล้างความเจ็บปวดในอารมณ์ของเขา
ฮั่วฝู่หมันยื่นกระดาษเช็ดหน้าให้เขา
“จงไปรวบรวมคนของเจ้า
ฝ่าบาทต้องการให้เจ้าเดินทางลงใต้
มีเรื่องเดือดร้อนบางเรื่องต้องแก้ในหมู่คนพื้นเมือง”
“แล้วเรื่องเมืองสามวิญญาณจะเอายังไง?” ซีหลินลังเล
“ข้าจะจัดการเรื่องนั้นเอง” ฮั่วฝู่หมันตบไหล่ซีหลิน
“เจ้าควรไปจัดการภารกิจที่ได้รับมอบหมายเสียก่อน”
เขาไม่ได้บอกซีหลินว่าความล้มเหลวของงานในครั้งนี้อาจทำให้พวกเขาตกต่ำ
กองกำลังนักสู้ขนาดเล็กลาดตระเวณไปทั่วที่ราบแต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะนักสู้สามคน
“หลูตี๋ช่างมีจมูกที่ไวนัก” นักสู้คนกลางหัวเราะคิกคัก
หัวหน้ากลุ่มนักสู้เล็กๆ
ตอบ “สมาพันธ์ชาวยุทธ!”
พวกนักสู้ให้ความสนใจ “พวกเจ้าทุกคนต้องการสนับสนุนอาเดรียนหรือ? น่าเสียดาย
ข้าเองก็ชื่นชมพรานนักล่าอาเดรียนอยู่เสมอ”
สีหน้าของผู้บัญชาการกองกำลังเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน โดยไม่มีใครทันสังเกต
วงแหวนที่สวมอยู่บนตัวนักสู้คนหนึ่งที่ยืนอยู่หลังเขาพลันเปล่งลำแสงออกมาทันที
เมืองอันโดรเมดา
ขณะที่วงแหวนของบริวารของอาเดรียนเปล่งแสงสว่างวาบ เสียงที่ไม่รู้จักก็ดังโพล่งออกมา “พวกเจ้าต้องการสนับสนุนอาเดรียนหรือ? น่าเสียดาย ข้าก็ชื่นชมพรานนักล่าอยู่เสมอ”
ทั้งสามคนหน้าซีด
“ไปกันเถอะ!” อาเดรียนพูดโดยไม่ลังเล
“ไปไหน?”
หลิวจงกวงถาม
“ไปหาถังเทียน”
อาเดรียนตอบเสียงอ่อนโยน
“ไปหาถังเทียน? ทำไมล่ะ?”
หลิวจงกวงไม่สามารถเข้าใจถึงเหตุผลที่เขาจำเป็นต้องทำเช่นนั้น อาซิ่วรู้ว่าอาจารย์กำลังจะทำอะไร
เยี่ยนถูได้ยินรายงานของอูเซี่ย
เขายิ้มที่มุมปาก “อา, อาเดรียนจะไปพบถังเทียน?”
“ถูกแล้ว ฝ่าบาท” อูเซี่ยตอบด้วยความเคารพ
“ก็ดีเหมือนกัน
ช่วยให้เราประหยัดเวลาเดินทาง”
เยี่ยนถูตอบขณะที่เขามีแววอำมหิตอยู่เต็มหน้า “พาคนของเจ้าไปคร่ากุมแอนเดรียนา ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรใช่ไหม?”
อูเซี่ยตอบ “ไม่น่ามีปัญหาอะไร”
“ไปกันเถอะ
ข้าเสียเวลาเรื่องนี้มานานเกินไปแล้ว”
เยี่ยนถูบอกนักสู้ชาวดาวหมีใหญ่ที่อยู่ข้างตัวเขา
******
ในคฤหาสน์ที่ถังเทียนพักอาศัย
อาเดรียนไม่พยายามปิดบังข้อมูลใดๆ เขารายงานสิ่งที่เขารู้ทั้งหมดซ้ำอีกครา
อาเฮ่อพึมพำเงียบๆ
ขณะที่ถังเทียนประหลาดใจ “หวา! เจ้านั่นมีลวดลาย
เจ้าเล่ห์นัก!”
หลิงซิ่วกำลังรู้สึกเบื่อมาก
จนต้องวิ่งออกไปหามุมฝึกวิชาหอกของเขา
อาซิ่วรู้สึกแปลกๆ
หลิงซิ่วคล้ายกับที่เขาเล่าลือ เขามีอารมณ์ร้อนและบ้าระห่ำ แต่ไม่เข้าใจคนอย่างถังเทียน
คนอย่างเขาเป็นผู้นำคนได้อย่างไร?
อาเดรียนใจเย็นขณะที่เขายืนสงบเงียบหลังจากพูดจบ
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
เสียงหัวเราะดังลอยมาจากด้านนอกประตูไม้ห้องโถง เงาร่างสามร่างค่อยๆ ปรากฏตัวในคฤหาสน์
เยี่ยนถูมีรอยยิ้มหยิ่งภูมิใจปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา
“ข้าได้ยินเรื่องราวความแข็งแกร่งของเจ้ามามากมายนักแล้ว ถังเทียน
ข้าไม่คาดว่าเจ้าจะเป็นเช่นนั้นแน่นอน
น่าผิดหวังนัก”
ถังเทียนถามด้วยความสงสัย
“เฮ้, เจ้าเป็นใครกัน?”
อาเฮ่อเอามือก่ายหน้าผาก นี่คือปัญหาสำคัญของถังเทียนที่ทำให้เขารู้สึกขายหน้า
ทั้งที่พวกเขาเพิ่งคุยเรื่องของเยี่ยนถูไปแล้วแท้ๆ...
หลิงซิ่วหยุดฝึกและเดินเข้ามาอยู่ข้างตัวถังเทียน
ดูท่าทีแล้วเหมือนกับว่าวันนี้จะมีการเปิดศึกใหญ่เป็นแน่
เยี่ยนถูไม่สนใจถังเทียนและหันหน้าไปสนใจอาเดรียน “นายพรานนักล่า ข้านับถือท่านมาตลอด
ถ้าท่านใช้พลังของท่านเพื่อกลุ่มดาวหมีใหญ่
เราจะช่วยส่งเสริมความปรารถนาใดๆ ของท่านก็ได้ที่มีอยู่”
อาเดรียนยิ้ม
“ขอบคุณฝ่าบาทที่แสดงน้ำใจ นับว่าเป็นเกียรติที่ได้รับความชื่นชมจากท่าน แต่ข้ามีความมั่งคั่งทั้งหมดที่ต้องการอยู่แล้ว
ไม่มีอะไรที่ข้าต้องการมากไปกว่านี้อีกแล้ว”
เยี่ยนถูไม่ประหลาดใจและตอบ
“ท่านพรานนักล่า ท่านน่าจะไตร่ตรองให้ดีก่อน
ท่านไม่คิดจะรับศิษย์ชนชั้นสูงบ้างหรือ?”
หลิวจงกวงโกรธ “อย่ามัวเสียเวลาเจ้าอยู่ที่นี่เลย
อยู่ใต้อาณัติเจ้าน่ะหรือ? เจ้าต้องมีหนังที่หนาแน่ถึงได้กล้าขออะไรอย่างนี้!”
เยี่ยนถูส่ายหัวและรู้สึกเสียดายที่ถูกตอบรับแบบนี้ “เนื่องจากเจ้าไม่ยินดีจะรับใช้ข้า
ข้าก็เสียใจที่จะบอกว่าวันนี้จะเป็นวันตายของพวกเจ้า”
“เฮ้ เฮ้ เฮ้, นี่มันถิ่นของข้าไม่ใช่หรือ?” ถังเทียนพบว่าเขาถูกกีดกันออกจากการสนทนา
ขณะที่เขาพยายามอย่างดีที่จะแสดงให้เห็นความคงอยู่ของเขา
หนุ่มชาวฟ้าจะถูกละเลยได้ยังไง
นักสู้ดาวหมีใหญ่ทั้งสองคนที่อยู่ข้างๆ
เยี่ยนถูลืมตากว้าง
เนื่องจากพวกเขาปลดปล่อยรังสีพลังกล้าแข็งอยู่รอบตัว
ทุกคนสามารถรู้สึกได้ถึงพลังที่น่าประหลาดของพวกเขาค่อยๆ เพิ่มขึ้นไปทุกมุมห้อง
อากาศเย็นลงและมีความตึงเครียดสูง
แครก
แครก แครก
นักสู้ที่กำลังจะโจมตีปล่อยเสียงกู่ร้อง
รอยแตกเล็กๆ
เริ่มปรากฏบนพื้นเหมือนกับใยแมงมุม
สีหน้าของอาซิ่วและหลิวจงกวงเปลี่ยน
นี่คือพลังของนักสู้จากกลุ่มดาวหมีใหญ่หรือนี่?
การได้รับเลือกโดยเจ้าปกครองกลุ่มดาวเองเช่นนี้
พวกเขาต้องเป็นนักสู้ระดับสูงในกลุ่มดาวนั้นเป็นแน่ ในกลุ่มดาวหมีใหญ่
มีอยู่เจ็ดคนที่รู้จักกันในนามว่าองครักษ์พญาหมี
แม้ว่าพวกเขายังไม่ได้โจมตีใดๆ
แต่รัศมีพลังของพวกเขาแปลกประหลาดจริงๆ
พลังงานที่แผ่ออกมาจากนักสู้ทั้งสองนั้นเหมือนกับรัศมีสองสาย ดูเยือกเย็นแต่ทำให้ถังเทียนและพวกปั่นป่วน
อาเฮ่อลุกขึ้นยืนขณะที่ชุดดำยาวของเขาสะบัดเป็นคลื่นในอากาศ
เขายังวางตัวสงบต่อทุกคน
“การกระทำของทุกคนที่นี่ถือว่าไม่ให้เกียรติกันแน่นอน”
“อะไรนะ?”
ถังเทียนกระโดดเต้นด้วยความประหลาดใจและพูดต่อ “เฮ้, อาเฮ่อ
การกระทำของคนพวกนี้ถือว่าไม่ให้เกียรติเฉพาะมุมมองของเจ้าคนเดียวเหรอ?”
อาเฮ่อ
“....”
ข้าแค่พูดอย่างสุภาพ...
ถังเทียนทำสีหน้าดุร้ายและดูแย่ยิ่งกว่าแต่ก่อน
ขณะที่เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันตะโกน “พวกเจ้ากล้าดียังไงมาเอะอะโวยวายในถิ่นของข้า! พี่น้อง, เล่นงานพวกมันเลย!”
อาเฮ่อยืนอยู่เงียบๆ
ขณะที่เขาเตรียมหันหน้าจากไป
เห็นได้ชัดว่ายังไม่มีกลยุทธที่เขาคิดในใจจนต้องรีบร้อนบุ่มบ่าม ถ้าเจ้ายังไม่รู้วิธีจัดการความขัดแย้ง ทำไมถึงไม่ปล่อยให้ข้ารับมือ?
มีเสียงโห่ร้องดังขึ้น!
เงาร่างสีเงินสายหนึ่งพุ่งผ่านสายตาอาเฮ่อไป
หลิงซิ่วผู้ไม่มีความอดกลั้นหิวกระหายการต่อสู้พุ่งเข้าใส่บุรุษทั้งสามเหมือนกับธนูแหลมคมพร้อมกับใช้หอกของเขาเบิกทาง
หลิวจงกวงมองดูด้วยความมึนงงและจากนั้นก็เป็นอาซิ่วและอาเดรียน
เจ้านี่บ้าไปแล้วหรือ?
เขาอยากตายหรือ?
พวกนั้น..คือองครักษ์พญาหมี!
หลิงซิ่วผู้บ้าระห่ำกระโจนขึ้นในอากาศและพุ่งเข้าใส่คนทั้งสามรู้สึกตื่นเต้นกับการต่อสู้ที่จะมาถึง มันครอบงำความรู้สึกของเขาจนเมินเฉยต่อความกลัว
ในที่สุดเขาก็ได้ปลดปล่อยความปรารถนาต้องการต่อสู้ได้เสียที
เสียงกระพรวนจากหอกของหลิงซิ่วดังผ่านไปทั้งห้อง
อากาศเย็นแผ่ไปรอบห้อง ขณะที่ความตึงเครียดเพิ่มขึ้นจากการโจมตีของหลิงซิ่ว
นักสู้สองคนที่อยู่ข้างเยี่ยนถูจ้องมองหลิงซิ่วที่โจมตีเข้ามา
มีคนกล้าเผชิญหน้าพวกเขาโดยตรงและทำยโสโอหังต่อหน้าพวกเขาตั้งแต่เมื่อใด?
หนึ่งต่อสาม
ครั้งสุดท้ายพวกเขาเคยเห็นความบุ่มบ่ามอย่างนี้เมื่อไหร?
ดูถูกกันชัดๆ
การกระทำของฝ่ายตรงข้ามเป็นการดูถูกองครักษ์พญาหมี
แต่บุรุษทั้งสามคนดูเหมือนตกอยู่ภายใต้ดินแดนที่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวอยู่รอบตัวพวกเขา
ทุกคนประหลาดใจกับวิชาของหลิงซิ่ว
อะไรกัน นั่นมันวิชาหอกอะไรกัน?
สององครักษ์พญาหมีตอบโต้พร้อมกัน
ยอดฝีมือทางซ้ายมือของเยี่ยนถูมีชื่อว่าหรงโหรว สีหน้าของเขาเข้มงวด
รังสีวงกลมพุ่งออกจากนิ้วข้างหนึ่งของเขาพุ่งตรงไปที่กลุ่มดาวที่ลอยเข้าหาพวกเขา
นักสู้อีกคนหนึ่งนามว่าเจี่ยนฟงหยวน เขาคำราม ดาบหัวปีศาจปรากฏอยู่ในมือของเขา
ขณะที่เขาฟันดาบสกัดการโจมตีของหลิงซิ่ว
ติง
ติง ติง!
พลังโจมตีที่หนักแน่นและแหลมคมปะทะกัน
เกิดเสียงดังกึกก้องในท่ามกลางการต่อสู้
หลิงซิ่วถอยด้วยความเร็วยิ่งกว่าตอนเข้าโจมตีและกระแทกเข้าไปในผนังจนพังทลาย
นั่นธรรมดา..
อาซิ่วและหลิวจงกวงทั้งสองคนถอนหายใจโล่งอก พวกเขาทั้งสองคิดเหมือนกัน สองคนนี้ต้องเป็นองครักษ์พญาหมีแน่นอน พฤติกรรมของหลิงซิ่ววู่วามเกินไป
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
ทันใดนั้น
เสียงหัวเราะน่ากลัวดังขึ้นจากใต้กองอิฐที่หักพัง
กองอิฐระเบิดออกมาทันทีขณะที่หินปลิวไปทั่วบริเวณ หลิงซิ่วจับหอกเงินและเดินออกมาจากกองอิฐ
ที่มุมปากของหลิงซิ่วมีรอยเลือดไหลออกมาเหมือนกับงูกำลังเลื้อย แทนที่จะรู้สึกหมดหวังหรือท้อแท้
เขากลับรู้สึกกระตือรือร้นสู้ต่อไป
“รู้สึกดีเป็นบ้า”
เขาชี้หอกมาที่คนทั้งสามและประกาศ “เอาอีก!”
ทั้งอาซิ่วและหลิวจงกวงกังวลห่วงใยหลิงซิ่ว ขณะที่พวกเขาจ้องมองอย่างมึนงง
สามารถต้านรับการโจมตีจากนักรบพญาหมีได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บหนัก
ถือว่ามีความสำเร็จแล้ว และในตอนนี้
เขายังคงขอสู้ต่อ...
เจ้าผู้นี้
เขาต้องบ้าไปแล้ว
ขณะที่อาเดรียนยังสงบเหมือนเคยและมองดูหลิงซิ่ว
เขาตระหนักได้ดีว่าพวกเขาอยู่ในสถานการณ์อันตราย
หอกนั่น...
7 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
แสดงฝีมือมาทีละคน มาาา
ขอบคุณครับ มันทุกตอนเลยพักนี้
แสดงฝีมือมาทีละคน มาาา
ขอบคุณครับ
ตอนต้นอ่านไม่รู้เรื่องเลยอ่านวนไปสองรอบ 😫😫
องครักษ์พิทักษ์หมี ทำไมฟังดูแปลกๆ 5555
แสดงความคิดเห็น